วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554

แร่เศรษฐกิจ กลุ่มที่ 6

กลุ่มที่ 6 แร่ที่ใช้ในอุตสาหกรมมก่อสร้าง



    หินแกรนิต (granite) เป็นหินอัคนีแทรกซอนที่เย็นตัวลงภายในเปลือกโลกอย่างช้าๆ จึงมีเนื้อหยาบซึ่งประกอบด้วยผลึกขนาดใหญ่ของแร่ควอรตซ์สีเทาใส แร่เฟลด์สปาร์สีขาวขุ่น และแร่ฮอร์นเบลนด์ หินแกรนิตแข็งแรงมาก หินแกรนิต มีความแน่น ทึบ หนัก และแข็งแรง ทนต่อกรดและด่าง ทนต่อการขีดข่วน และต้านทานความชื้นได้ดี หินแกรนิต เมื่อถูกขัดจะมีความเงา เรียบ หินแกรนิต จึงถูกใช้ทำขั้นบันได มีสีต่างๆ หลายสี เช่น สีเทา สีเขียว สีชมพู หรือสีแดงหินที่ใช้ใน การทำคอนกรีตจะต้องมีผิวขรุขระ มีเหลี่ยมคม เพื่อให้ซีเมนต์สามารถยึดเกาะได้

    หินอ่อน (mable) เกิดจากการเปลี่ยนรูป หินอ่อน มีโครงสร้างทางเคมีเหมือนหินปูน หินอ่อน สามารถขัดได้ หินอ่อน บริสุทธิ์เมื่อขัดแล้วจะมีสีขาว แต่ตามปกติ หินอ่อน มีริ้วลายหลายสี หินอ่อน เป็นวัสดุก่อสร้างที่ใช้ทำผนัง ขั้นบันได พื้น ทำอุปกรณ์ไฟฟ้า รูปปั้นเครื่องประดับและตกแต่ง อาคารบ้านเรือน หินอ่อน แปรมาจากหินปูน

    แกรนิตโต้ (granito) คือเป็น หินแกรนิต เทียม ส่วนผสมจะมีแกรนิตผงผสมแล้วนำไปผ่านการเผาด้วยความร้อนสูง แข็งแรงเทียบเท่า หินแกรนิต แกรนิตโต้ มีหลายแบบทั้งแบบขัดเงา หรือไม่ขัดเงา สวยงาม มีหลายสี ราคาไม่สูง

     หินทราย (Sandstone) เป็นหินมีลักษณะ เนื้อหยาบ จับดูระคายมือ เพราะประกอบด้วยเม็ดทรายขนาดแตกต่างกัน (1/16 – 2 มม.) เม็ดแร่ส่วนใหญ่เป็นแร่ควอร์ตซ์ แต่อาจมีแร่อื่นและเศษหินดินปะปนอยู่ด้วย เพราะมีวัตถุประสารมีความแข็งมากสามารถขูดเหล็กเป็นรอยได้ หินทราย มีสีต่างๆ เช่น แดง น้ำตาล เทา เขียว เหลืองอ่อน อาจแสดงรอยชั้นให้เห็น มีซากดึกดำบรรพ์

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แร่เศรษฐกิจ กลุ่มที่ 5

กลุ่มที่ 5 แร่วัตถุดิบในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์

1) แร่ยิปซัม
   






ชื่อแร่ มาจากภาษากรีก เป็นชื่อแร่โดยเฉพาะพวกแร่ที่เกี่ยวกับปูน
      -แร่ยิปซัมชนิด Satin Spar มีเนื้อเป็นเสี้ยนๆ มีความวาวคล้ายใยไหม
      -แร่ยิปซัมชนิด Selenite  มีเนื้อเป็นแผ่นบางโปร่งใส ไม่มีสี
      -แร่ยิปซัมชนิด Alabaster  มีเนื้อเป็นมวลเมล็ดอัดแน่น สีขาว

     คุณสมบัติทางฟิสิกส์ – รูปผลึกระบบโมโนคลินิก ผลึกมีลักษณะเป็นแท่งแบนปลายแหลมทั้งสองข้าง อาจเกิดเป็นรูปผลึกแผด มีรอยแยกแนวเรียบ 3 แนวต่างกัน แต่ที่ชัดเจนมีแนวเดียวจนทำให้แตกเป็นแผ่นๆ รอยแตกอีกแนวอาจเป็นรูปเว้าโค้งแบบก้นหอย หรือแตกเป็นเสี้ยนๆ ความแข็งตามมาตรของโมร์(Moh's scale) เท่ากับ 2 เป็นแร่ตัวหนึ่งในมาตรของโมร์ ถ.พ. 2.30  ความวาวคล้ายแก้ว หรือวาวคล้ายมุก คล้ายไหม ไม่มีสี หรือสีขาว เทา หรือมีสีเหลือง แดง น้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลแก่ เนื้อโปร่งใสจนถึงโปร่งแสง
คุณสมบัติทางเคมี  - สูตรเคมี CaSO4.2H2O  มี CaO 32.6 % SO3 46.5 %  มี น้ำ (H2O)   26.9% หลอมตัวขั้นที่ 3 ละลายในกรดเกลือเจือจางร้อน
ลักษณะเด่นและวิธีการตรวจ – อ่อนเล็บขูดเข้าเป็นรอยเนื่องจากเล็บมีความแข็งประมาณ 2.5 มีรอยแยกเรียบสมบูรณ์ 3 ทาง ละลายในกรดเกลือเจือจางที่ร้อน
การกำเนิด –เกิดจากการตกตะกอนของน้ำทะเล เนื่องจากน้ำทะเลระเหยตัวออกไปจึงมีการสะสมตัวเป็นชั้นๆเหมือนเกลือหิน นอกจากนี้ยังพบเกิดอยู่ร่วมกับแร่ที่เกิดจากน้ำร้อนอื่นๆ เช่นในสายแร่ทองคำ สังกะสี ตะกั่ว และทองแดงเป็นต้น
       แหล่งที่พบ
     ในประเทศไทยพบและมีการทำเหมืองที่จังหวัดพิจิตร   อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ อำเภอทุ่งใหญ่ และอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช อำเภอนาสารและอำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่พบแหล่งแต่ยังไม่มีการผลิตพบที่จังหวัดเลย ปริมาณสำรองแร่ยิปซัมในประเทศไทย มีทั้งหมดประมาณ 200 ล้านตัน
-          ต่างประเทศพบมากที่ประเทศ แคนนาดา สหรัฐอเมริกา จีน อิหร่าน เม็กซิโก ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย อินเดีย อิตาลี โปแลนอียิป สเปน และสหราชอาณาจักร

แร่เศรษฐกิจ กลุ่มที่ 4

กลุ่มที่ 4 แร่ในอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
1) แร่เหล็ก




    เป็นวัตถุดิบที่มีความสำคัญเป็นอันดับสูงในยุคอุตสาหกรรม แร่เหล็กที่พบมากและนำมาใช้ประโยชน์ภายในประเทศมีดังนี้
     แมกนีไทต์ เป็นเม็ดเกาะกันแน่น สีดำ สีผงละเอียดำเป็นแม่เหล็กในตัวเอง
     ฮีมาไทต์ เนื้อสมานแน่นเป็นแผ่นซ้อนกันหรือรูปไต สีแดงเลือดหมูจนเกือบดำและสีเทาสีผงละเอียดสีน้ำตาลแดง
     ไลมอไนต์ มักจะพบเป็นรูปหินงอก มนโค้งหรือดูคล้ายดินสีน้ำตาลแก่ถึงดำ สีผงละเอียดสีน้ำตาลเหลือง
ประโยชน์
     การใช้แร่เหล็กภายในประเทศส่วนใหญ่ ใช้ในโรงงานถลุงเหล็กเพื่อการผลิตเหล็กและเหล็กกล้า โดยที่ในอุตสาหกรรมผลิตเหล็กและเหล็กกล้าดังกล่าว จะใช้แร่เหล็กเปอร์เซ็นต์สูง ส่วนแร่เหล็กเปอร์เซ็นต่ำ จะนำไปใช้ในการทำซีเมนต์


2) โมลิบดีไนต์ 

     มักจะพบในลักษณะที่เป็นแผ่นเนื้อแน่นหรือเป็นเกล็ด สีเทาปนน้ำเงิน สีผงละเอีดยสีเขียวน้ำเงิน
ประโยชน์
    ส่วนใหญ่จะนำแร่โมลิบดิไนต์มาใช้ผสมกับเหล็ก ทำเหล็กกล้าซึ่งแข็งและทนทานที่สุด ใช้ทำเกราะ ส่วนประกอบของอากาศยานและเครื่องจักรต่างๆ ใช้ผลิตเครื่องมือที่มีความเร็วสูง เช่น ดอกสว่าน ทำตัวหล่อลื่น ทำสีย้อมผ้า และหมึกสำหรับเขียน

3) แมงกานีส
      มีมากมายหลายชนิด แต่ชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากที่สุดได้แก่ ชนิดที่อยู่ในรูปของออกไซด์ แร่แมงกานิสที่มีธาตุแมงกานีสอยู่ร้อยละ 35 ขึ้นไป ที่พบกันมากและนำมาใช้ประโยชน์ภายในประเทศ มีดังนี้
     - ไพโรลูไซต์ มักพบเป็นเส้นรูปรัศมี รูปไต รูปกิ่งไม้ สีเทาอ่อนถึงดำ
     - ไซโลมิเลน มักพบในลักษณะเป็นพวงองุ่น รูปไต สีดำ และน้ำตาลดำ สีผงละเอียดสีดำ
ประโยชน์
     แร่แมงกานีสเป็นแร่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรม   แร่แมงกานีสที่ใช้ภายในประเทศส่วนใหญ่เป็นชนิดไพโรลูไซต์ ซึ่งนำมาใช้ทำถ่านไฟฉาย และโลหะผสมแมงกานีสต่างๆ หรือใช้ในอุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหล็ก   เช่น  โลหะอลูมิเนียมผสม อลูมิเนียมบรอนซ์ แมงกานีสบรอนซ์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเซรามิก สี สารเคมี ปุ๋ย พลาสติก อีกด้วย

แร่เสรษฐกิจ กลุ่มที่ 3

2)      แร่เงิน





    เงินมีสัญลักษณ์ Ag ส่วนใหญ่แล้วเงินมักจะเป็นแร่พลอยได้จากการทำเหมืองตะกั่ว ทองคำ หรือทองแดง โลหะเงินจะอ่อนทุบเป็นแผ่นบางได้ วาวโลหะ หากทิ้งไว้นานผิว มักมัวหมองและจะมีสีดำ การกำเนิด เงินมักเกิดแบบปฐมภูมิปะปนกับแร่อื่น เช่น ทองคำ ทองแดง ตะกั่ว-สังกะสี เป็นต้น โดยเฉพาะแหล่งแร่ตะกั่วจะมีเงินปนอยู่ด้วยเกือบทุกแห่ง แหล่งในประเทศ ในประเทศไทยไม่มีการผลิตแร่เงิน แต่จะเป็นแร่พลอยได้จากการทำเหมืองแร่ตะกั่วที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี โดยพบว่าจะมีเงินปะปนประมาณ 0.12 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังพบว่ามีแร่เงินเกิดร่วมกับแร่ทองคำที่บริเวณรอยต่อของจังหวัดพิจิตร-เพชรบูรณ์ โดยมีประมาณ 5 เท่าของปริมาณทองคำ และพบว่ามีแร่เงินปะปนอยู่ประมาณ 27 กรัมต่อตัน ในแหล่งแร่โลหะซัลไฟด์ที่บ้านยางเกี๋ยง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ประโยชน์ ใช้ทำน้ำยาล้างและอัดรูปในอุตสาหกรรมถ่ายภาพ ใช้ทำภาชนะต่างๆ โลหะผสม เครื่องประดับ เหรียญเงินตรา ใช้ในงานบัดกรี เป็นส่วนประกอบในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เนื่องจากเงินเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีมาก

แร่เศรษฐกิจ กลุ่มที่ 3

กลุ่มที่ 3 แร่โลหะมีค่า

1) ทองคำ
 


ทองคำ
       มักเกิดเป็นธาตุอิสระในธรรมชาติ แต่อาจจะเกิดผสมกับธาตุอื่น แล้วแต่มลทินปะปน เนื้อมีสีเหลือง วาวโลหะ หนักมาก อ่อนและทุบเป็นแผ่นบางได้ ดัดและดึงเป็นเส้นได้ละลายในกรดกัดทองเท่านั้น ความบริสุทธิ์ของทองคำจะคิดเป็นกะรัตหรือไฟน์เนส โดย ทองคำบริสุทธิ์จะเท่ากับ 24 กะรัต หรือ 1,000 ไฟน์ ดังนั้นทองคำ 18 กะรัต หมายถึงโลหะที่มีทองคำ 18 ส่วน อีก 6 ส่วนเป็นโลหะชนิดอื่น เช่น เงิน ทองแดง นิกเกิล
ประโยชน์
       ทองคำเป็นโลหะที่มีค่าสูง ใช้ทำเครื่องประดับ เป็นหลักประกันในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ใช้หุ้มเครื่องเคลือบและเครื่องแก้ว  ใช้ในวงการทันตแพทย์  ใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องมือวิทยาศาตร์   วงจรอิเล็กทรอนิกส์   และอุปกรณ์ในยานอวกาศ เป็นต้น

แร่เศรษฐกิจ กลุ่มที่ 2

กลุ่มที่ 2 แร่หนักและแร่หายากได้แ่ก่

 1) แร่แทนทาไลต์และโคลัมไบต์



    แทนทาลัมและไนโอเบียมเกิดอยู่ร่วมกันในสินแร่แทนทาไลต์โคลัมไบต์ (Fe,Mn) (Ta,Nb) O ) ซึ่งพบในตะกรันจากการถลุงแร่ดีบุก ประเทศไทยมีการผลิตผงแทนทาลัมเพนตะออกไซด์ (Ta O ) และไนโอเบียมเพนตะออกไซด์ (Nb O ) จากตะกรันดีบุก โดยนำตะกรันดีบุกมาบดให้ละเอียด แล้วละลายด้วย สารละลายผสมของกรดไฮโดรฟลูออริกกับกรดซัลฟิวริก แล้วเติมเมทิลไอโซบิวทิลคีโตนลงไป สารประกอบของแทนลาลัมและไนโอเบียมจะละลายอยู่ในชั้นของเมทิลไอโซบิวทิลคีโตน จากนั้นแยกชั้นของเมทิลไอโซบิวทิลคีโตนออกมา แล้วเติมกรดซัลฟิวริกเจือจางลงไป ไนโอเบียมจะละลายอยู่ในชั้นของกรด เมื่อแยกชั้นของสารละลายกรดออกและทำสารละลายให้เป็นกลาง ด้วยสารละลายแอมโมเนีย จะได้ตะกอน เมื่อนำไปเผาจะได้ Nb O เกิดขึ้น ส่วนแทนทาลัมที่ละลายอยู่ในชั้นของเมทิลไอโซบิวทิลคีโตน แยกออกได้โดยการผ่านไอน้ำเข้าไป จะได้แทนทาลัมละลายอยู่ในชั้นของน้ำในรูปของสารประกอบ H TaF เมื่อเติมสารละลายโพแทสเซียมคลอไรด์แล้วนำไปตกผลึก จะได้สาร K TaF ซึ่งนำไปใช้ประโยชน์ได้ แต่ถ้านำ H TaF มาเติมสารละลายแอมโมเนียจนเกิดตะกอน ซึ่งเมื่อนำตะกอนไปเผาจะได้ Ta O เกิดขึ้น
     Ta O และ Nb O สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้โดยตรง แต่ถ้าต้องการสกัดจนได้โลหะ Ta และ Nb ต้องใช้โลหะแคลเซียมทำปฏิกิริยากับ Ta O หรือ Nb O โดยมี CaCl เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเป็นดังนี้
CaCl
Ta O (s) + 5Ca(s)
2Ta(s) + 5CaO(s)
ตะกรัน
CaCl
Nb O (s) + 5Ca(s)
2Nb(s) + 5CaO(s)
ตะกรัน
     การสกัดแร่แทนทาไลด์โคลัมไบด์นั้น ก่อนปล่อยน้ำทิ้งลงสู่สิ่งแวดล้อมจึงต้องกำจัดสารเจือปน และปรับสภาพน้ำทิ้งให้เป็นกลาง นอกจากนี้ตะกรันดีบุก อาจมีสารกัมมันตรังสี เช่นยูเรเนียมและทอเรียมปนอยู่ด้วย จึงต้องตรวจสอบปริมาณสารกัมมันตรังสีไม่ให้มีปริมาณมากเกินค่ามาตรฐาน
     โลหะแทนทาลัมมีสีเทาเงิน จุดหลอมเหลว 2996 oC เป็นโลหะทนไฟ มีความแข็งและเหนียวใกล้เคียงกับเหล็กกล้า นำมาใช้ทำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องส่งสัญญาณกันภัย เครื่องตั้งเวลาทำโลหะผสมที่ทนความร้อนสูงเพื่อใช้ทำบางส่วนของลำตัวเครื่องบิน ทำหัวของจรวดขีปนาวุธ อุปกรณ์ในเตาปฏิกรณ์ปรมาณู ใช้แทนทาลัมออกไซด์เคลือบเลนส์เพื่อให้มีสมบัติในการสะท้อนแสงได้ดี

    โลหะไนโอเบียมมีสีเทาเงิน จุดหลอมเหลว 2487 oC มีความแข็งและเหนียวใกล้เคียงกับทองแดง เป็นตัวนำความร้อนและไฟฟ้าที่ดี แปรรูปได้ง่าย จึงนำมาใช้ทำโลหะผสมที่มีสมบัติพิเศษ เช่น ทนแรงดัน มีความเหนียว ไม่เป็นสนิม ทนต่อการกัดกร่อนและนำไฟฟ้าได้ดีที่อุณหภูมิต่ำ นอกจากนี้ยังใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์นิวเคลียร์ ส่วนประกอบของเครื่องบินและขีปนาวุธได้

แร่เศรษฐกิจ

4) แร่สังกะสี



แร่สังกะสีพบมากที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ในรูปสังกะสีซิลิเกต ได้แก่ แร่เฮมิมอร์ไฟต์ (Zn4CSi2O7)(OH)2(H2O) แร่สมิทซอไนต์(ZnCO3และแร่ซิง   ไคต์ (ZnO) แต่สังกะสีที่พบมากที่สุดในโลกคือ แร่สฟาเลอไรต์ (ZnS)
ในการถลุงจะนำแร่สังกะสี (ZnS , ZnCO3มาเปลี่ยนเป็นสารประกอบออกไซด์ (ZnO) ก่อน จากนั้นจึงให้ ZnO ทำปฏิกิริยากับคาร์บอนซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวรีดิวซ์จะได้สังกะสี (Zn) และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO)
ZnO(s)  +  C(s)     →     Zn(s)  +  CO(g)
CO ที่เกิดขึ้นก็สามารถรีดิวซ์ ZnO เป็น Zn ได้เช่นกัน
ZnO(g)  +  CO(s)    →    Zn(s)   +  CO2(g)
CO2 ที่เกิดขึ้นจะทำปฏิกิริยากับ C ที่เหลือเกิด CO ซึ่งใช้ในการรีดิวซ์ ZnO ต่อไป
C(s)  +  CO2(g)    →   2CO(g)
ในการถลุงสังกะสีจะต้องควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ที่ 1100 สังกะสีที่ได้ยังไม่บริสุทธิ์มักมีสารอื่นปนอยู่ ส่วนใหญ่เป็นแคดเมียมกับตะกั่ว ในการแยกสังกะสีออกจากสารปนเปื้อนใช้วิธีนำสังกะสีเหลวไปกลั่นลำดับส่วน หรือทำโดยวิธีอิเล็กโทรลิซิสเช่นเดียวกับการทำทองแดงให้บริสุทธิ์
สำหรับโรงงานถลุงแร่สังกะสีที่จังหวัดตาก แร่ที่ใช้ถลุงอยู่ในรูปของซิลิเกต คาร์บอเนต และออกไซด์ปนกัน ในการถลุงต้องนำแร่มาบดด้วยเครื่องบดเปียกจนละเอียดเป็นผงแล้วให้ทำปฏิกิริยากับกรดซัลฟิวริก (H2SO4จะได้สารละลาย ZnSO4 ทำสารละลายให้เป็นกลางด้วยปูนขาว กรองแยกกากแร่ออกจากสารละลายแร่ ส่วนที่เป็นกากส่งไปยังบ่อเก็บกากแร่แล้วปรับสภาพให้เป็นกลางด้วยปูนขาว ส่วนสารละลาย ZnSO4 ที่กรองได้จะมีเกลือของCdSO4  CuSO4  Sb2(SO4)3 ปนอยู่ สามารถแยกออกโดยเติมผงสังกะสีลงไปในสารละลาย จะเกิดปฏิกิริยาดังสมการ

Zn(s)  +  CdSO4(aq)    →   ZnSO4(aq)  +  Cd(s)
3Zn(s)  +  Sb2(SO4)3(aq) →   3ZnSO4(aq)  +  2Sb(s)
Zn(s)  +  CuSO4(aq)    →   ZnSO4(aq)  +  Cu(s)
กรองตะกอน Cd Cu และ Sb ออกโดยใช้เครื่องกรองตะกอนแบบอัด สารละลาย ZnSO4 ที่ได้จะถูกส่งไปแยกสังกะสีออกด้วยวิธีการอิเล็กโทรลิซิส Zn2+ จะไปรับอิเล็กตรอนที่ขั้วแคโทดกลายเป็น Zn เกาะอยู่ที่ขั้วแคโทด
Zn2+(aq)  +  2e-   →   Zn(s)
ส่วนที่ขั้วแอโนดน้ำจะไปให้อิเล็กตรอนกลายเป็นก๊าซ O2 และ H+ ดังสมการ
H2O(l)   →   O2(g)  +  2H+(aq)  +  2e-  
ปฏิกิริยารวมคือ Zn2+(aq) + H2O(l)   →  Zn(s) + O2(g) + 2H+(aq)

สมบัติและประโยชน์ของสังกะสี
 สังกะสีเป็นโลหะมีสีเทาเงิน เปราะ เป็นโลหะที่ค่อนข้างอ่อน นำความร้อนและนำไฟฟ้าได้ดี เป็นโลหะที่ไวต่อปฏิกิริยา ทำปฏิกิริยากับน้ำและออกซิเจนอย่างช้าๆ แต่ทำปฏิกิริยากับกรดอย่างรุนแรง ได้แก๊สไฮโดรเจน เป็นโลหะที่ระเหยเป็นไอง่าย (จุดเดือดต่ำ) สังกะสีเมื่ออยู่ในสภาพหลอมเหลวจะไหลคล่อง ไม่หดตัว เมื่อเย็นลงจะเป็นของแข็ง
   -สังกะสีที่ผลิตขึ้นมาในท้องตลาดนั้น หนึ่งในสามส่วนจะนำมาใช้ในอุตสาหกรรมกัลวาไนเซชัน (galvanisation) เป็นการเคลือบโลหะที่ผุกร่อนด้วยสังกะสี โดยการนำโลหะนั้นไปจุ่มลงในภาชนะที่บรรจุสังกะสีหลอมเหลว แต่โดยทั่วไปนิยมทำโดยวิธีการชุบด้วยไฟฟ้า (electroplating process) เช่น แผ่นเหล็กชุบสังกะสี ข้อต่อเหล็กชุบสังกะสี
    - สังกะสีใช้เป็นขั้วไฟฟ้าในเซลล์ถ่านไฟฉาย เซลล์แอลคาไลน์ เซลล์เงิน เซลล์ปรอท เป็นต้น
โลหะผสมของสังกะสีถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง เช่น
                 -  ทองเหลือง (สังกะสีผสมกับทองแดงใช้งานด้านการขึ้นรูปหรือหล่อผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ภาชนะเครื่องประดับ ใช้ทำเครื่องดนตรี สกรู และเครื่องใช้ต่างๆ เนื่องจากไม่เกิดการผุกร่อน
                 -  โลหะสังกะสี 78% ผสมกับอะลูมิเนียม 22โดยมวล มีความแข็งใกล้เคียงกับเหล็ก แต่ขึ้นรูปได้ง่ายเหมือนพลาสติก ใช้ทำเซรามิกส์ราคาถูก หรือใช้สำหรับหล่อวัสดุสำเร็จรูปด้วยแม่พิมพ์ถาวร
                 -  โลหะสังกะสีผสมเซอร์โคเนียม มีสมบัติเป็นแม่เหล็กที่อุณหภูมิต่ำกว่า 35 เคลวิน
                 -  โลหะผสมระหว่างสังกะสี อะลูมิเนียม และแมกนีเซียม นำมาหล่อเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น คาร์บูเรเตอร์ มือจับบานประตู บานพับประตู เป็นต้น
                 -  Manganese bronze ใช้ทำใบพัด กังหัน และวาล์ว
                 -  Naval brass หรือ Tobin bronze เป็นโลหะผสมที่มีความทนทานต่อการสึกกร่อน จึงใช้ทำอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ และส่วนประกอบของเรือ ทำใบพัด
                 -  Forging brass มีสมบัติทนความร้อนได้ดี จึงใช้ทำอุปกรณ์ที่ต้องใช้ความร้อน
  - สังกะสีจัดเป็นสารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของมนุษย์และสัตว์ จากการทดลองพบว่า เมื่อให้สัตว์ที่ได้รับอาหารที่มีสังกะสีผสมอยู่ร้อยละ 50จะทำให้เจริญเติบโตดีกว่าสัตว์ที่ได้รับสารอาหารที่ไม่มีสังกะสี อย่างไรก็ตามปริมาณสังกะสีหรือสารประกอบสังกะสีที่มีปริมาณมากๆ ในอาหาร จะมีพิษต่อร่างกายและเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ ดังนั้นในอาหารทุกชนิดควรมีสังกะสีอยู่ไม่เกิน 50 ppm
- สังกะสีเป็นโคแฟคเตอร์ของเอนไซม์หลายชนิด เช่น lactic, dehydrogenase
- ใบพืชที่ขาดสังกะสี พบว่าใบพืชจะเสียรูป